STUDENT EXPERIENCES
น้องมาร์ค
Norwich, UK
เรื่องเล่าจากนักผจญภัยใน Norwich 

สวัสดีครับ ผมชื่อนาย กฤตภพ กุลพนาภินัน ชื่อเล่นมาร์ค ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่พูดและใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้หรือเรียกง่ายๆว่าพูดไม่ได้อ่านไม่ออกเขียนไม่เป็นก็ว่าได้  เขินอายที่จะพูดกับฝรั่งและไม่กล้าที่จะใช้มัน แต่ผมก็รู้ว่าภาษาอังกฤษนั้นมีความสำคัญกับชีวิตผมมากในอนาคต ผมได้สืบเสาะหาสถาบันสอนภาษาอังกฤษรวมถึงหาเอเจนซี่ที่สามารถให้คำแนะนำผมได้ ผมใช้เวลาค่อนข้างนานกับการค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวของผมเอง และแล้วพี่สาวผมก็ได้แนะนำให้ผมมารู้จักพี่คนหนึ่งชื่อพี่ ฮาร์ท กับ บริษัท  smile campus เป็นเอเจนซี่ทำเรื่องให้นักเรียนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

ผมใช้เวลานานมากกับการสนทนากับที่ smile campus และที่นี่เองที่สามารถปลุกความกล้าในตัวผมให้ออกมา พี่ฮาร์ททำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจ ความกล้าและที่ยิ่งไปกว่านั้นเค้าทำให้ผมอยากที่จะไปผจญภัยแล้วเรียนรู้สิ่งใหม่ๆผมตัดสินใจที่จะมาใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นเวลา1ปีแต่ก่อนอื่นผมควรจะเลือกประเทศเทศที่จะได้เรียนก่อนผมได้คำแนะนำเยอะมากเกี่ยวกับประเทศต่างๆแล้วรู้ความแต่ต่างของแต่ละประเทศและแล้วผมก็ได้ตัดสินใจที่จะมาอังกฤษด้วยเหตุผลหลายข้อ คือ 
ผมคิดง่ายๆเลยเราอย่างเรียนภาษาอังกฤษก็ต้องมาเรียนกับต้นฉบับของภาษา
อังกฤษเป็นเมืองเก่าน่าค้นหา  มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เยี่ยมชมมากมาย
เค้าว่ากันว่าอังกฤษเป็นเมืองผู้ดีผมเลยอยากที่จะไปเรียนรู้วัฒนธรรมของผู้ดีและอีกหลายสิ่งทำให้ผมตัดสินใจที่จะเลือกมาอังกฤษหลังจากนั้นผมจึงเริ่มมาเลือกเมืองที่จะไปเรียนและเมื่อที่ผมเลือกก็เป็นอีกเมืองที่มีความน่าสนใจแล้วแปลกไปตากเมืองอื่น ผมเลือกที่จะมาเรียนที่เมือง Norwich ที่ดีเพราะว่าโรงเรียนสอนภาษาของผมนั้นอยู่ในรั้วของมหาลัยเลยทีเดียวผมสามารถมีเพื่อนจากโรงเรียนสอนภาษาและเพื่อนในมหาลัยด้วย
และแล้วการเดินทางของผมก็เริ่มขึ้นด้วยการช่วยเหลือของ smile campus ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เหมือนมีคนคอยช่วยเหลือทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เราแค่เก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นแล้วเตรียมตัวที่จะไปผจญภัยก่อนจะจากเมืองไทยใจผมหวั่นเล็กน้องแต่ผมก็รู้สึกถึงความสนุกที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ผมใช้เวลาเล็กน้อยกับการร่ำลาครอบครัวแล้วก้าวเดินจากไปด้วยความมุ่งมั่นผมใช้เวลาค่อนข้างนานบนเครื่อง มันช่างไกลแสนไกลจริงๆผมทั้งกิน นอน นั่ง จนไม่มีรู้จะทำอะไรแล้วเวลาผ่านไปผมรู้สึกตัวอีกทีตอนที่เครื่องกำลังจะลง หัวใจของผมเริ่มเรียกร้องหาสิ่งผจญภัยและแล้วผมก็มาถึงจนได้

ก้าวแรกที่เดินออกมาผมสัมผัสถึงอากาศที่เยือกเย็นขาผมเริ่มสั่นหัวใจผมเต้นแรงขึ้นเลื่อยๆด้วยความตื่นเต้นผมเดินออกมาจากประตูแล้วไม่รุ้จะพูดกับใครแต่ก็ยังดีที่ smile campus ได้ติดต่อกับทางโรงเรียนสอนภาษามารับผมถึงสนามบินเลยซึ่งสะดวกสบายมากมีรถBenz มารับไปส่งถึงโรงเรียน

ระหว่างทางระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงคนขับรถก็ชวนผมคุยแต่ผมก็ฟังไม่ออกได้แต่เออออตามเค้าไปแล้วผมก็หวังว่าก่อนผมกลับผมต้องพูดกับเค้าได้อย่างดีแน่นอนหลังจากนั้นผมก็เผลอหลับไป เสียงรถเบรคทำให้ผมรับรู้ว่าผมได้มาถึงแล้ว ผมลืมตาขึ้นมาพบกับบ้านหลังหนึ่งขนาดไม่เล็กไปแล้วไม่ใหญ่ไปขนาดพอดี เป็นบ้านดูแล้วเป็นทรงอังกฤษโดยแท้ในความคิดของผมนะแล้วแล้วก็พี่คนรออยู่หน้าบ้านรอรับผมด้วยความเป็นมิตรผมฟังเขาไม่รู้เรื่องแต่จับใจความได้ว่าเขาชื่อ Helen กับ Paul เป็นเจ้าของบ้านที่ผมจะต้องพักอยู่ด้วยเขาพาผมดูรอบๆบ้านแล้วสอนผมใช้ของต่างๆภายในบ้านผมรับรู้ได้จากท่าทางที่เค้าทำ ไม่ใช่รู้จากการที่เค้าพูดเลย คิดแล้วรู้สึกตัวเองโง่มากแต่ก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ผมต้องผ่านไปให้ได้

วันแรกของการเข้าเรียนผมรีบตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้นอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินออกมาจากห้องกลิ่นหอมของอาหารเช้าเขามาเตะอยู่ที่จมูกของผม ผมไม่รั้งรอรีบลงไปที่ห้องครัวและแล้วผมก็พบกับชุดอาหารเช้าชุดใหญ่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกใหม่ ผมใช้เวลากับการรับประทานอาหารเช้าอยู่พักหนึ่งแล้วผมก็เตรียมตัวที่จะไปเจอกับความสนุกในโรงเรียนพูดแล้วเหมือนกำลังเล่นเกมอะไรซักอย่างต้องผ่านเป็นด่านๆผมออกจากบ้านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหวัง

ผมขึ้นรถบัสไปมหาลัย UEA (โรงเรียนของผมอยู่ในรั้วเดียวกับมหาลัย มันช่างแตกต่างงานรถเมล์ที่ไทยอย่างสิ้นเชิงคนน้อยไม่แออัดแล้วที่สำคัญมาตรงต่อเวลา มีป้ายบอกเวลาตลอดว่าจะมีรถมาในอีกนาทีข้างหน้าผมใช้เวลามาที่โรงเรียนเพียงแค่10นาทีเท่านั้นซึ่งไม่นานเลยแล้วในไม่กี่อึดใจนั้นผมก็มาถึงโรงเรียน โอ้วว้าว!!!โรงเรียนผมช่างใหญ่มากแล้วดูทันสมัยก้าวแรกที่ผมเดินเข้าไปข้างในความรู้ผมเหมือนอยู่ในศูนย์รวมหรือศูนย์ประชุมนานาชาติ คนหลากหลายเชื้อชาติมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ผมคิดว่าไม่เกิน 3 เดือน ผมคงมีเพื่อนทุกประเทศแน่ๆเลย เผลอๆ ได้ภาษาอื่นเพิ่มด้วยผมค่อยๆเดินก้าวเข้าของเหมือนถ่ายมิวสิควีดีโอทำตัวเป็นพระเอกหนัง   ฮาฮามันช่างสนุกไปอีกแบบในห้องเรียนของผมมีหลายประเทศมาก ผมมีเพื่อนชาว ซาอุดิอาราเบีย 6 โคลัมเบีย 1 ญี่ปุ่น 5 จีน 1 คาซัคสถาน 4 ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่พึ่งมาเจอกันต่างคนต่างพูดกันแบบมั่วๆ แต่พวกเราก็สามารถรับรู้กันได้เป็นอย่างดีผมคิดว่าอาจเป็นเพราะท่าทางในการพูดซะส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะพูดภาษาอังกฤษกันเป็นหรอกแล้วแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

นานวันผ่านไปเราเริ่มพูดกันได้มากขึ้นเข้าใจกันมากขึ้นจากการที่ทุกคนพูดแต่ภาษาอังกฤษทุกคนตั้งใจที่จะเรียนรู้และต้องการให้เพื่อนเข้าใจในสิ่งที่เค้าต้องการจะสื่อกับทุกๆคน พวกเราเริ่มมีกิจกรรมมากขึ้นมีการรวมกลุ่มกันๆไปทำอาหารแต่ละครั้งที่ทำก็จะเปลี่ยนเมนูแต่ละประเทศต่างกันไปผมได้ลองกินอาหารหลายประเทศมากผมคิดว่าการมาเรียนของผมในครั้งนี้มันช่างคุ้มค่าจิงๆนี้แค่เริ่มต้นเท่านั้นผมก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลย

เดือนผ่านไปตอนนี้ภาษาอังกฤษผมเริ่มดีขึ้นแต่ผมไม่ได้เที่ยวไหนเลยตั้งแต่ผมมาอยู่ที่ตื่นเช้ามาเรียนเย็นอยู่กับเพื่อนๆแล้วก็กลับบ้านเป็นแบบนี้มา2เดือนหัวใจผมมันเริ่มเรียกร้องหาความตื่นเต้นอีกครั้งแล้ววันหนึ่งเหมือนสวรรค์ส่งคนมาโปรดผมย้ายห้องเรียนมาเรียนกับเพื่อนใหม่

หลังจากที่ทุกคนสอบแล้วแยกชั้นเรียนผมได้มาเจอกับเพื่อนคนไทยคนนึงในห้องเค้ามีวิสัยทัศน์ที่ต่างออกไปแล้วยังเป็นนักผจญภัยตัวยงในห้องเรียนของผมนั้นมีเพื่อนเยอะมาก มีเพื่อนซาอุดิอาราเบีย6 คาซักสถาน5 ญี่ปุ่น1 จีน1 และคนไทยอีกหนึ่งคน ชื่อโดคนนี้แหละที่พระเจ้าส่งมาหาผม โดเป็นคนไทยที่มาอยู่ก่อนผม1เดือนเค้าไม่เก่งภาษาเหมือนกันแต่เค้าไม่มีความเขินอายที่จะคุยเลยแถมยังชอบคุยกับเพื่อนฝรั่งอีกด้วย

โดสอนผมให้รู้อะไรมากขึ้นเยอะ โดบอกกับผมว่าการศึกษาไม่จำเป็นจะต้องได้จากในห้องเรียนเท่านั้นเราสามารถเรียนรู้ได้จากการออกไปเที่ยวในที่ต่างๆได้ทั้งภาษา ได้เพื่อนใหม่ ได้ไปที่ใหม่ๆและยังได้ประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอีกด้วยเค้าทำให้ผมเรียกร้องการผจญภัยมากขึ้นไปอีก โดคอยชวนผมไปเที่ยวต่างเมือง หลายเมืองมากทุกครั้งที่ออกไปเที่ยวผมได้ใช้ภาษาเยอะกว่าที่เรียนในห้องซะอีกเรื่องราวต่อจากนี้มันจะสนุกกว่าตอนแรกอีกหลายเท่าหลายๆเท่าผมอย่างจะเล่าให้ฟังมากแต่ผมคิดว่าประสบการณ์พวกนี้เล่ายังไงก็ไม่มีวันจบ คุณต้องมาลองด้วยตัวของคุณเอง...
ICEF Accredited
We are a member of
Professional Certifications